รีวิวงานแต่งกลางวันฉบับเจ้าสาวจัดเอง อบอุ่นละลายใจไปกับแสงเดย์ไลท์ @The Botanical House Bangkok

The Botanical House สถานที่แต่งงานที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติสีเขียว พร้อมห้องฟังก์ชันสวยอบอุ่น บริการครบทุกความต้องการของคู่บ่าวสาว

       ด้วยความที่ แจนกับห่ม (เจ้าบ่าวชาวเวียดนาม) ไม่มีภาพงานแต่งงานในหัวมาก่อนค่ะ เลยเริ่มจากถามตัวเองขึ้นมาว่าเราไม่ชอบงานแบบไหน คำตอบที่ได้คือไม่อยากจัดงานในโรงแรม แจนก็ปรึกษากับห่ม ซึ่งเขาชอบธรรมชาติ จึงมองหาสถานที่ที่ขนาดเหมาะกับจำนวนแขกและมีต้นไม้เยอะ ๆ มีเเสงธรรมชาติ จนมาเจอ The Botanical House (เดอะ โบทานิคอล เฮ้าส์) และนัดไปดูสถานที่จริง พอไปถึงจำได้ว่าได้กลิ่นต้นไม้-ดอกไม้ก่อนเลย แม้ว่าจะอยู่ในตัวอาคารก็ตาม พอถาม คุณมา ที่ดูแลในวันนั้น จึงทราบว่าที่นี่ใช้ดอกไม้และต้นไม้จริงทั้งหมด

       เมื่อบรรยากาศตอบโจทย์แล้ว คุณแม่ของแจนที่ดีเทลมาก ๆ ก็มาดูเรื่องฟังก์ชันต่าง ๆ ซึ่งที่นี่ถือว่าลงตัว เพราะมีทั้งโซนเอาท์ดอร์ ห้อง Sun Room สำหรับทำพิธี ห้องจัดเลี้ยง และโซน Reception ที่ชัดเจน สามารถทำให้งานโฟลว์โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนโยกย้ายคนหรือของตกแต่งต่าง ๆ เลยค่ะ

เจ้าสาวกับคุณแม่ลุยเอง เตรียมงานแต่งแบบเร่งด่วนภายใน 2 เดือน  

       ก่อนหน้านี้ อยู่ดี ๆ ห่มก็ขอแจนแต่งงาน บวกกับคุณแม่ที่กลัวลูกสาวขายไม่ออกก็ไปดูฤกษ์แต่งงานมา รู้ตัวอีกที เรามีเวลาเตรียมเเค่ 2 เดือนนิด ๆ เองค่ะ โดยเริ่มจากหาสถานที่เป็นหลัก แล้วทางสถานที่ก็แนะนำว่ามีอะไรต้องทำบ้าง เราไม่ได้จ้างเวดดิ้งแพลนเนอร์เลยค่ะ ทำเองทุกขั้นตอน ชุดแต่งงานของเราก็เลือกตัดที่ร้าน ไม่ใช้ชุดเช่า หรือแม้แต่เตรียมขันหมาก คุณแม่ก็ไปตลาดซื้อดอกไม้เอง ซึ่งเจ้าบ่าวไม่ค่อยรู้พิธีแต่งงานแบบไทย จึงแบ่งหน้าที่ให้ฝ่ายเจ้าสาวเลือกและจัดการทั้งหมดค่ะ

ตกแต่งกลมกลืนกับธรรมชาติ กับเทคนิคเลือกธีมสีดอกไม้โทนเย็นตา

       อย่างที่เห็นว่าสถานที่สวยในตัวอยู่แล้ว แจนเลยเพิ่มเติมแค่ดอกไม้ โดยเลือกสีจาก Pinterest กับบอกทางสถานที่ไปว่าชอบดอกไม้ชนิดไหนเป็นพิเศษ ซึ่งตอนเลือกสีเฉดดอกไม้ต่าง ๆ ลายตามากค่ะ สีนั้นก็สวย สีนี้ก็สวย สุดท้าย คุณมา เลยแนะนำให้เซฟรูปที่ชอบมาเยอะ ๆ ได้เลย แล้วค่อยดูว่าเราเลือกโทนสีไหนมากที่สุด สรุปออกมาคือโทนสีฟ้า ม่วง ขาว แจนว่าเป็นวิธีที่เวิร์คมาก ๆ ค่ะ

       โดยส่วนโถงทางเข้าอาคาร จัดวางเป็นแกลเลอรีภาพบ่าวสาวทั้งสองข้าง เข้ามาแล้วจะพบโต๊ะลงทะเบียน ที่วางของชำร่วยเป็นสบู่ และสมุดอวยพร มีสติกเกอร์ลายน้องแมวให้ตกแต่ง เพราะเราทั้งสองคนเจอกันจากงานประกวดแมวค่ะ ส่วนในห้องจัดเลี้ยง เราตกแต่งซุ้มดอกไม้บนเวที พร้อมโลโก้บ่าวสาว และวางเพียงดอกไม้ตกแต่งบนโต๊ะเท่านั้นค่ะ

งานแต่งครบพิธีไทยผสมจีน เน้นฟีลอบอุ่น เป็นกันเอง

       ตอนแรกอยากจะเริ่มด้วยพิธีสงฆ์ แต่ก็กลัวจะเร่งเวลาเกินไป เราเลยเลือกทำบุญแต่งงานที่วัดปทุมวนารามราชวรวิหารกันก่อนวันงานค่ะ พอถึงวันแต่งจริง หลังจากแต่งตัวเสร็จเราก็ลงมาถ่ายรูปที่สวนก่อน เพราะแสงเช้าตรงนี้สวยมาก 

       จากนั้นทางเจ้าบ่าวก็ตั้งขบวนขันหมากจากในสวนเข้าสู่อาคาร โดยห่มเคยเห็นพิธีแต่งงานไทยและอยากให้มีขั้นตอนนี้ เพราะมีสีสันดี ได้ฟีล Ice Breaking เบา ๆ ระหว่างเจ้าบ่าวและครอบครัวกับฝั่งเจ้าสาว ผ่านการเล่นเกมกั้นประตู ทั้งวิดพื้น เต้น ทำท่าต่าง ๆ ทายสีลิปสติก แล้วจึงมารับตัวแจน เพื่อไปทำพิธีหมั้นที่ห้อง Sun Room ค่ะ

       พิธีการหมั้นก็จะเริ่มตั้งแต่การเจรจาสู่ขอ ตรวจนับสินสอด สวมแหวน และปิดท้ายด้วยการยกน้ำชา ซึ่งเป็นส่วนที่คุณพ่อคุณแม่ของแจนรีเควสท์มาว่าต้องมี ช่วงเวลาที่ทำพิธีนี้ประมาณ 9 โมงกว่า พอมาดูรูปจากกล้องตกใจมาก ๆ เพราะแสงสวยเกินคาดไว้จริง ๆ เราดูมีออร่าขึ้นมาเลยค่ะ

       หลักจากยกน้ำชาก็เป็นรดน้ำสังข์ งานนี้เรามีเพื่อนชาวต่างชาติมาจากหลายประเทศ จึงอยากให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักธรรมเนียมของทางไทยด้วยค่ะ หลายคนก็บอกว่านี่เป็น First Thai Wedding ที่เคยไป เราก็เลยเลือกใส่ชุดไทยในพิธีเช้าตลอดงานค่ะ

       เมื่อทุกพิธีเสร็จเรียบร้อย เราถึงจะขึ้นไปเปลี่ยนชุด แล้วลงมาในงานเลี้ยงฉลองตอนเที่ยง ซึ่งไม่ได้มีลำดับพิธีอะไรเท่าไรค่ะ หลังจากแขกเซ็นอวยพรและเข้าสู่ห้องจัดเลี้ยงแล้ว เราก็เริ่มงานด้วยการเปิดตัวเดินขึ้นเวที ที่มีเพื่อนสนิทมาโปรยดอกไม้ให้ จากนั้นประธานก็ขึ้นกล่าวอวยพร ตามด้วยคุณพ่อคุณแม่ของเราทั้งคู่ เนื่องจากแขกที่เชิญมาสนิทกันอยู่แล้ว จึงตัดการสัมภาษณ์บนเวทีออกไป และมีเซอร์ไพรส์ร้องเพลงจากเจ้าบ่าวแทนค่ะ

       หลังจากนั้นเราก้จะลงไปรับประทานอาหารร่วมกับแขกและทักทายทุกคน ซึ่งเราจัดโต๊ะแบบผสม ทั้ง Long Table บริเวณตรงกลาง และโต๊ะกลมด้านข้าง เพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มแขกผู้ใหญ่ค่ะ อาหารในช่วงเลี้ยงฉลองมีทั้งไทยและตะวันตก ซึ่งแขกพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอาหารอร่อย โดยเฉพาะพุดดิ้งมะม่วง จริง ๆ ตอนนี้แจนยังอยากกินอยู่เลยค่ะ (หัวเราะ) ระหว่างนั้นพิธีกรก็จะเชิญให้เพื่อน ๆ และคนสำคัญในชีวิตของเรากล่าว Toast ยินดีกับบ่าวสาว ซึ่งเป็นความทรงจำที่ดีมาก จำได้ว่าน้ำตาไหลเลย  

       เสร็จแล้วคุณแม่ของแจนก็ร้องเพลงให้คู่แจนเป็นของขวัญแต่งงาน ก่อนจบพิธีเลี้ยงฉลองด้วยการรดน้ำต้นไม้และดึงริบบิ้นช่อดอกไม้ค่ะ หลังจากนั้นพวกเราก็มีเวลาได้เดินตามงาน ถ่ายรูป พูดคุยกับเพื่อน ๆ ต่อค่ะ

แขกต่างชาติประทับใจ บ่าวสาวก็ใจฟู

       เราประทับใจฟีลของงานที่เหมือนทุกคนได้มาฉลองด้วยกัน วันนั้นยิ้มทั้งวัน ไม่รู้สึกกังวลอะไรเลย ส่วนสถานที่ก็สวยงามอย่างที่คิดไว้ อีกทั้งทีมก็ดูแลเราดีมาก ๆ คอยช่วยปรับแปลนงานและซัพพอร์ทที่เราเสนอ มีแต่คนชมว่าจัดออกมาได้เป็นตัวเองมาก ได้ฟีลอบอุ่นและน่ารัก ซึ่งเป็น Keyword ในใจแจนเลยค่ะ ยิ่งเพื่อนต่างชาติก็รู้สึกเอ็นจอยและได้มีส่วนร่วมในทุก ๆ ขั้นตอนของงานแต่ง ได้ยินแบบนี้เราก็หายเหนื่อยเลยค่ะ

คำแนะนำสำหรับบ่าว-สาว

ถามหาคำแนะนำจากสถานที่และร้านค้างานแต่ง : พยายามศึกษาและถามคำแนะนำจากแต่ละร้านค้าเยอะ ๆ ไม่ต้องเขินอาย เพราะทางร้านมีประสบการณ์มากกว่าเรา เช่น ผ้าคาดสำหรับเจ้าบ่าว ต้องใส่ยังไง และร้านดี ๆ จะมีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ แนะนำอยู่แล้ว

ถ้ามีเวลาน้อย ให้เลือกจากสถานที่ก่อน : ต้องคอนเฟิร์มสถานที่ก่อนเลย เพราะเราต้องทำการ์ดเชิญ ซึ่งต้องใช้เวลาผลิต เมื่อได้สถานที่แล้ว เรื่องรูปแบบงาน ธีมสี ชุดแต่งงาน ทุกอย่างจะตามมาเอง

ขอฤกษ์แบบใช้เลขมงคล : เรื่องฤกษ์เวลาในพิธี แนะนำให้ลองถามหมอดู โดยขอเลขนาทีที่ flexible เช่น 2 4 5 8 ให้เลือกผสมเองในแต่ละฤกษ์ สมมติแห่ขันมาก 8:15 น. ไม่ทัน ก็เป็น 8:25 น. แทน จะช่วยให้ไม่เครียดและขยับเวลาตามสถานการณ์ได้